สธ. ชี้ การฝึกสมาธิ ช่วยลดเครียด ลดโรคได้ผล สุขภาพจิตดี

ข่าวสุขภาพ – สธ.เผย สมาธิ ลดเครียด ลดโรคได้ผล เล็งตั้งศูนย์สมาธิบำบัดในโรงพยาบาลในสังกัด (กระทรวงสาธารณสุข)

ฝึกสมาธิ

สธ. แนะคนไทยฝึกสมาธิเป็นประจำ มีผลช่วยทำให้สุขภาพจิตดี เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาล กระตุ้นให้ร่างกายทำลายเซลล์ที่มีปัญหาและเซลล์มะเร็งอีกด้วย 

วันที่ 6 สิงหาคม 2557 นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 6 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันสมาธิโลก เป็นวันรวมใจของชาวพุทธและชาวโลก ซึ่งขณะนี้การแพทย์แผนปัจจุบันได้ให้ความสำคัญการบำบัดโรคทางร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆ กัน เพื่อให้เกิดความสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นผู้ที่มีสุขภาพดี มีสุขภาวะสมบูรณ์ทั้งทางกาย จิต และสังคม ตามที่องค์การอนามัยโลกได้ให้ความหมายไว้

โดยขณะนี้หลายประเทศทางตะวันตกได้นำสมาธิ (Meditation) ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวพุทธไปฝึกปฏิบัติ เช่นที่สหรัฐอเมริกา พบว่า คนอเมริกันร้อยละ 26 ปฏิบัติสมาธิเป็นเทคนิคช่วยผ่อนคลาย ใช้แก้ไขปัญหาความเครียดและคลายความทุกข์ ส่วนที่แคนาดา มีผลการวิจัยในกลุ่มที่มีประกันสุขภาพในนครควิเบคฝึกสมาธิ 1,418 ราย เปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ฝึกในจำนวนเท่ากัน พบว่ากลุ่มที่ฝึกสมาธิใช้จำนวนวันของการรักษาลดลงและน้อยกว่า สามารถลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ในการดูแลสุขภาพลงได้ถึงร้อยละ 14

ทั้งนี้ ในทางวิทยาศาสตร์ จิตคือระบบประสาทในสมอง ทำงานด้วยคลื่นไฟฟ้า เป็นตัวกำกับการทำงานของส่วนต่าง ๆ ให้สมดุล ถ้าระบบประสาทถูกกระตุ้นจนเกินพอดี จะส่งผลต่อร่างกายจนเกิดอันตรายได้ โดยร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenalin) ทำให้การทำงานของอวัยวะและระบบต่าง ๆ ของร่างกายตื่นตัว หัวใจเต้นแรง และเร็วขึ้น ความดันเลือดสูง หลอดลมขยาย ม่านตาขยาย ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มมากขึ้น เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง หัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อขยาย เป็นต้น ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะลดลง และภูมิต้านทานของร่างกายต่ำลงด้วย หากได้ฝึกสมาธิจะช่วยทำให้จิตสงบ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) หรือสารแห่งความสุขออกมา ช่วยให้ระบบประสาทสมองทำงานเป็นระเบียบ การทำงานของอวัยวะมีประสิทธิภาพดีขึ้น  

นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้นำการฝึกสมาธิหรือสมาธิบำบัดมาใช้รักษาควบคู่ไปกับการรักษาโรคทางกาย โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินงานสมาธิบำบัดในสถานบริการสุขภาพ เพื่อเป็นทางเลือกช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยและญาติ

 โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต มีภาวะเครียด เพราะเมื่อจิตใจสงบนิ่ง และร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินออกมาจะมีผลช่วยลดอาการเจ็บปวด เพิ่มภูมิต้านทานโรค ลดความตึงเครียด ลดความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลในเลือด

ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่น  ช่วยให้การไหลเวียนเลือดเป็นปกติ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในหัวใจตีบตัน อีกทั้งยังกระตุ้นให้ร่างกายทำลายเซลล์ที่มีปัญหาและเซลล์มะเร็งอีกด้วย

หลังดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2549 จนถึงปัจจุบัน ได้ดำเนินการในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขแล้วร้อยละ 73  คาดว่าจะสามารถดำเนินงานสมาธิบำบัดครอบคลุมโรงพยาบาลทุกแห่งภายในปี 2558 โดยเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการอบรมแล้ว จะช่วยฝึกสอนการทำสมาธิเบื้องต้นให้ผู้ป่วยและญาติ ระหว่างที่พักรักษาตัวในหอผู้ป่วยตามความสมัครใจ และนำกลับไปใช้ต่อที่บ้านได้ตลอดเวลา

ที่มา – กระทรวงสาธารณสุข

แสดงความเห็น

comments