ข่าวไอที – หัวเว่ยเทคโนโลยีส์ (Huawei Technologies) ขึ้นแท่นเป็นบริษัทผู้ผลิต Smart Phone จีนแบรนด์แรกที่สามารถจัดส่งสินค้าไปจำหน่ายทั่วโลกเกิน 100 ล้านเครื่องต่อปี ท่ามกลางการแข่งขันรุนแรงกับรายใหญ่อย่างซัมซุง (Samsung) และแอปเปิล (Apple)
ในแถลงการณ์ หัวเว่ย ระบุว่า ยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนประจำปี 2015 นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 44% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยคิดเป็นจำนวนรวมกว่า 108 ล้านเครื่อง ส่วนหนึ่งยังเป็นผลจากยอดขายงดงามในประเทศจีน ขณะที่ยอดขายในตลาดประเทศยุโรปตะวันตกเริ่มขยายตัวอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากการลบภาพแบรนด์สมาร์ทโฟนราคาประหยัดทิ้งไป พร้อมกับการนำเสนอสมาร์ทโฟนที่มีคุณภาพสูงกว่า
การเติบโตของหัวเว่ยเกิดขึ้นท่ามกลางภาวะถดถอยของผู้นำในอุตสาหกรรม อย่างเช่น ซัมซุง (Samsung) ที่ออกมายอมรับว่า พิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทในปี 2016 นี้ รวมถึงการแข่งขันร้อนแรงในตลาดที่อาจทำให้ซัมซุงมีผลกำไรไม่สูงเท่าที่ควร
นอกจากนี้ รายงานของสื่อญี่ปุ่นอย่างนิกเคอิ (Nikkei) ยังระบุว่า แอปเปิล (Apple) เจ้าพ่อไอโฟนยังเตรียมลดการผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของบริษัทลงราว 30% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม) เนื่องจากสินค้าล้นคลัง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ มองว่า ยังเร็วเกินไปที่จะยกให้หัวเว่ยเป็นคู่แข่งตัวจริงของซัมซุง และแอปเปิล เนื่องจากตำแหน่งอันดับ 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนขณะนี้ยังไม่แน่นอน โดยมักสลับเปลี่ยนไปมาระหว่างดาวรุ่งรายเล็กกว่าอย่าง เสี่ยวหมี่ (Xiaomi Inc) และเลอโนโว (Lenovo) เมื่อมีรายใดทำสงครามราคา
นักวิเคราะห์ อธิบายว่า ถึงแม้หัวเว่ยจะเติบโตต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ในภาพรวมยังตามหลังเสี่ยวหมี่ และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android) รายอื่น จุดนี้คาดว่า กลุ่มผู้ผลิตแอนดรอยด์จะมีการแข่งขันหนักหน่วงชัดเจนต่อไปอีกนาน
ปัจจุบัน หัวเว่ยถูกจัดอันดับเป็นผู้ค้าสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 3 ในตลาดโลก ด้วยส่วนแบ่ง 7.5% ตามหลังซัมซุงที่มี 23.8% และแอปเปิล 13.5% ตามข้อมูลการสำรวจตลาดล่าสุดของไอดีซี (IDC) คาดว่า ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนโลกจะมียอดจัดส่งเพิ่มขึ้น 10.4% ในปี 2015 ลดลงจากที่เคยเพิ่มขึ้น 27.5% ที่สำรวจได้ในปี 2014
สำหรับหัวเว่ย เจ้าพ่อไอทีแดนมังกร ระบุว่า มีรายได้จากกลุ่มธุรกิจสินค้าเพื่อผู้บริโภคราว 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2015 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตนี้ทำรายได้ให้หัวเว่ยเพิ่มขึ้นกว่า 70% ทีเดียว
ที่มา – Manager
